4 วัน 3 คืนเชียงตุง

โปรแกรมทัวร์ 4 วัน 3 คืนเชียงราย เชียงตุง – เมืองยอง

วันที่หนึ่ง เชียงราย-ไร่ชาฉุยฟง- ไร่เชิญตะวัน-ขุนน้ำนางนอน
13.55 เจ้าหน้าที่รอรับ สนามบินเชียงราย เดินทางต่อไปยัง ไร่ชาฉุยฟง
ศูนย์วิปัสสนา ไร่เชิญตะวัน เดินทาง
นย์วิปัสสนาสากลไร่เชิญตะวัน ก่อตั้งขึ้นโดยท่าน ว.วชิรเมธี หรือพระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี เมื่อวันที่ ๒๙ มกราคม ๒๕๕๒ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็น “ศูนย์กลางในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาสู่ประชาคมโลก” (International Meditation Center) รมณียสถานแห่งนี้ตั้งอยู่เลขที่ 217 บ้านใหม่สันป่าเหียง ต.ห้วยสัก อ.เมือง จ.เชียงราย บนเนื้อที่กว่า 170 ไร่ ทิศเหนือติด ทุ่งนา ทิศใต้ติดอ่างเก็บน้ำห้วยสัก ทิศตะวันออกติดอ่างเก็บน้ำห้วยสัก ทิศตะวันตกติดถนนของชุมชนนอกจากเป็นศูนย์กลางในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาแล้ว ศูนย์วิปัสสนาสากลไร่เชิญตะวัน ยังเป็นที่ตั้งของ สำนักงานมูลนิธิวิมุตตยาลัย สถาบันวิมุตตยาลัย มหาวิชชาลัยพุทธเศรษฐศาสตร์ (สถาบันการศึกษาทางเลือกเพื่อการพัฒนาตามปรัชญาพุทธเศรษฐศาสตร์) โดยที่มาของชื่อ เชิญตะวันนั้นหมายถึง “เชิญธรรมะมาเป็นแสงสว่างนำทางชีวิต” ธรรมะเป็นดั่งดวงตะวัน เมื่อดวงตะวันอุทัยขึ้นมาความมืดก็อันตรธานไป ฉันใด เมื่อธรรมะอุบัติขึ้นมาในใจของผู้ใด ความหลงก็ปลาสนาการไป ฉันนั้น ไร่เชิญตะวัน จึงเป็นดั่งรมณียสถานในการฝึกตน เพื่อก้าวพ้นจากความมืดมนอนธการของชีวิตและบรรลุสู่ภาวะ “โชติช่วงดั่งดวงตะวัน”
วนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน มีลักษณะเป็นภูเขาขนาดใหญ่หลายลูกเรียงตัวสลับซับซ้อน มองดูคล้ายผู้หญิงนอนเหยียดยาว มีส่วนหัว จมูก หน้าอก และลำตัวชัดเจน ขนานไปกับถนนในเขตอำเภอแม่จัน และแม่ฟ้าหลวง ซึ่งเป็นที่ตั้งของพระธาตุดอยตุง มีจุดสูงสุดคือ ผาช้างมูบ อยู่สูงจากระดับน้ำทะเลราวๆ 830 เมตร
18.00 น.เช็คอินน์ โรงแรม เคียงภูรีสอร์ท(ไม่รวม ) เดินเที่ยว ถนนคนเดิน พร้อมกับอิสระในการรับประทานอาหารเย็น(ไม่รวม)
วันที่สอง แม่สาย – ท่าขี้เหล็ก – เมืองเพียก – เมืองยอง
เชียงตุง เป็นเมืองเพื่อนบ้านที่มีความเกี่ยวพันกับไทยมานาน อารยะธรรม-เชื้อชาติที่ใกล้เคียงกันอย่างแทบจะแยกออกจากกันไม่ได้ หากท่านเป็นผู้หนึ่งที่ต้องการย้อนอดีตวิถีชีวิต ชื่นชมกับวัฒนธรรม ประเพณีดั้งเดิมผสมผสานกันของพี่น้องไทยใหญ่ ไทยลื้อ ไทยเขิน และชาวพม่า
เมืองยอง (มหิยังครัฐ) เป็นเมืองหรืออําเภอหนึ่งใน รัฐฉาน ประเทศพม่าขึ้นกับเมืองเพียก เป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน ทั้งเกี่ยวข้องกับ พม่า ล้านนา สยาม ลาว และ เขตสิบสองปันนา ของจีน ผู้ที่อยู่อาศัยในเมือง จะเป็นชาวไทลื้อ ที่ถูกเรียกว่าชาวเมืองยอง

08.00 น. คณะพร้อมกัน ณ บริเวณลานจอดรถที่ทำการอำเภอแม่สาย จากนั้นนำคณะเดินทางไปยังด่านพรมแดนไทย-พม่า
คณะผ่านพิธีการตรวจคนออกเมืองไทยเรียบร้อยแล้ว ข้ามสะพานมิตรภาพไทย – พม่า สู่จังหวัดท่าขี้เหล็ก
สหภาพพม่า ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองของพม่าเรียบร้อยแล้ว
09.00 น. นำคณะออกเดินทางจากจังหวัดท่าขี้เหล็กมุ่งหน้าสู่เมืองยอง โดยรถมินิบัสปรับอากาศท้องถิ่นขนาด 29 ที่นั่ง
ผ่านเมืองท่าเดื่อ หรือต้าเล่ย์ TALAY ในภาษาพม่า
11.30 น. คณะเดินทางถึงเมืองพะยาก หรือเมืองแพรกในภาษาไทยใหญ่ ซึ่งเป็นจุดกึ่งกลางระหว่างเมืองท่าขี้เหล็กกับเมือง เชียงตุง ในอดีตเป็นจุดพักทัพอาณาจักรไทยสมัยสงครามศึกเชียงตุงซึ่งมี กรมหลวงวงษาธิราชสนิท แม่ ทัพยุคราชการที่ 4 จนถึงสงครามเชียงตุงยุคใหม่ ซึ่งนำโดยจอมพลผิณ ชุณหะวัณ ในสมัยสงครามโลก ครั้งที่ 2 แวะรับประทานอาหารเที่ยง (มื้อที่1) ณ ร้าน
12.30 น. นำคณะออกเดินทางต่อจากเมืองพะยากสู่เมืองยอง ระยะทางประมาณ 75 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3
ชั่วโมง เนื่องจากเส้นทางร้อยละ 80 เปอร์เซ็นต์เป็นทางลูกลัง ผ่านชมธรรมชาติของขุนเขาและหมู่บ้านชนเผ่าๆ
ต่างๆ สองข้างทางจนถึงตัวเมืองยอง Moung Yawng ชื่อในประวัติศาสตร์ว่า “มหิยังกะนะ” คนเมืองยองผู้เฒ่าผู้
แก่ เรียกว่าว่าเมือง “เจงจ้าง” (เมืองเชียงช้าง)
เมืองยอง สร้างขึ้นเมื่อราว พุทธศตวรรษที่ 19 โดยชาวพื้นเมือง ต่อมาเมื่อมีผู้คนอพยพจากเมืองเชียงรุ่ง เข้าไป
สร้างบ้านเมือง โดยมีเจ้าเมือง ซึ่งเป็นชนชาวพื้นเมืองเชื้อสายไทลื้อ ปกครองบ้านเมืองสืบต่อ กันมาประมาณ
48 องค์ บรรพบุรุษชาวยองได้อพยพมาตั้งถิ่นฐานในล้านนาตั้งแต่สมัยพญาติโลกราชแห่งราชวงศ์ เม็งราย และ
ครั้งสำคัญที่สุด ใน ปี 2348 สมัยพระเจ้ากาวิละซึ่งได้พยายามรวบรวมผู้คนเพื่อทำการฟื้นฟูเมือง เชียงใหม่ และ
เมืองลำพูนขึ้นมาอีกครั้ง จากอุบายกลการศึก “เก็บผักใส่ซ้าเก็บข้าใส่เมือง” ในครั้งนั้นได้ ทำการกวาดต้อนผู้คน
จากเมืองยองแบบเทครัว จึงเป็นเหตุให้มีคนไทเชื้อสายไทยลื้อที่กองทัพไทยได้ทำการ กวาดต้อนมาจากเมือง
ยอง เข้ามาตั้งถิ่นฐานที่เมือง ลำพูน ประชากรส่วนใหญ่ของ ลำพูนจึงเป็นชาวยอง ซึ่ง นิยมตั้งถิ่นฐานในบริเวณ ที่
ราบลุ่มแม่น้ำ เหมาะต่อการทำการเกษตร เช่น ลุ่มน้ำปิง ทั้งนี้จวบจนปัจจุบันชาวยองยังคงรักษาขนบประเพณี
และวัฒนธรรม ของตนไว้ได้ดี

15.30 น. เวลาโดยประมาณ คณะเดินทางถึงเมืองยอง นำคณะเข้าเช็คอินน์เก็บสัมภาระกระเป๋าเดินทาง ณ โรงแรมแสงยอด
ซึ่งเมืองยองเป็นเมืองเล็กในหุบเขา ไม่ใช่เมืองเศรษฐกิจการค้า และเมืองท่องเที่ยวที่เป็นที่รู้จัก ดังนั้นทั้งเมืองจึง
มีโรงแรมที่พักเพียง 2 ที่ ในห้องพักไม่มีเครื่องปรับอากาศ เนื่องจากอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี ช่วงหน้าหนาว
อากาศเย็นอุณหภูมิเฉลี่ย ที่ 8-15 องศา
16.00 น. นำคณะออกเดินทางไปนมัสการพระธาตุจอมยอง โดยเปลี่ยนเป็นรถตู้ในการเดินทาง เนื่องจากรถมินิบัสไม่
สามารถเดินทางขึ้นไปถึงพระธาตุได้ เดินทางประมาณ 40 นาที คนเมืองยองเรียกพระธาตุหลวงจอมยองว่า “ธาตุ
โหลง” หรือ ธาตุหลวง พระธาตุหลวงจอมยองอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองยองประมาณ 10 กิโลเมตร
ตามประวัติบอกไว้ว่าพระพุทธเจ้าเสด็จมาที่”ดอยมหิยัง กะนะ” เหิรมาทางอากาศพร้อมด้วยภิกษุ 500 ตน มาถึง
ยอดจอมดอยได้เอาเกศา 4 เส้น ให้กับฤษีคิริมานนท์ กราบนมัสการเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ตนเองและคณะ
17.30 น. นำคณะเดินทางกลับสู่ตัวเมืองยอง รับประทานอาหารเย็น (มื้อที่2) ณ ร้านอาหารไทลื้อ อาหารสไตล์พื้นบ้านชาว
ไทลื้อ ปรับบางเมนูให้สามารถรับทานได้
19.00 น. นำคณะเดินทางกลับสู่โรงแรมที่พัก พักผ่อนตามอัธยาศัยกับบรรยากาศเย็นสบายของเมืองยอง
วันที่สาม ตลาดเช้าเมืองยอง – ต้นโพธิ์สะหลีค้ำ – วัดราชฐานหัวข่วง – เมืองเพียก – เชียงตุง
08.00 น. รับประทานอาหารเช้า (มื้อที่3) ณ โรงแรมที่พัก มีข้าวต้ม ข้าวผัด ไข่ดาว ชา กาแฟ
09.00 น. นำคณะเดินทางไปเที่ยวชมตลาดเช้าเมืองยอง ตลาดเล็กๆใจกลางเมืองซึ่งทุกเช้าผู้คนจะมาจับจ่ายซื้อผัก ซื้อเนื้อ
ผลไม้เพื่อไปปรุงอาหารที่บ้าน ชมวิถีชีวิตยามเช้า ที่หาชมได้ยาก
10.00 น. นำคณะเดินทางไปสักการะต้นโพธิ์ หรือไม้สะหลี ในตำนานเมืองยอง ได้กล่าวถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของชาวยอง คือ
ไม้สะหลีคำ ซึ่งเป็นการนำกิ่งโพธิ์จากพุทธคยาสถานที่ตรัสรู้ของพระพุทธองค์ มาปลูกไว้ทางทิศตะวันออกของ
เวียงยอง และกลายเป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ประจำเมือง ที่ปัจจุบันมีอายุหลายร้อยปี นอกจากจะเส็ง จะต้องเดินทาง
มาถวายไม้ค้ำกิ่งโพธิ์นี้สักครั้งในชีวิต ซึ่งสอดคล้องกับตำนานเมืองยองที่ว่า หากพระยาองค์ได้นำไม้ค้ำโพธิ์มา
ค้ำจะมีเดช มากนัก อีกทั้งยังสามารถปัดเป่าอุปสรรคอันตรายทั้งหลายได้
11.00 น. นำคณะออกเดินทางไปนมัสการองค์พระประธาน ณ วัดราชฐานหัวข่วง วัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองยอง ตั้งอยู่ใจกลาง
เมือง เป็นศูนย์รวมใจของชาวเมืองยอง คำว่า ข่วง แปลว่าลานกว้าง ดั้งนั้นคำว่าหัวข่วง คือวัดที่ตั้งอยู่ตรงหัวมุม
ใดมุมหนึ่งของลานกว้างของเมืองนั้นเอง เช่นเดียวกับวัดหัวข่วงที่เชียงตุง และเชียงใหม่
12.00 น. รับประทานอาหารเที่ยง (มื้อที่4) ณ ร้านอาหารไทลื้อ ร้านเดิมแต่ปรับเมนูใหม่
13.00 น. นำคณะออกเดินทางจากเมืองยองมุ่งหน้าสู่เขมรัฐนคร เมืองเชียงตุง ระยะทางประมาณ 155 กิโลเมตร
18.00 น. เวลาโดยประมาณ คณะเดินทางถึงเมืองเชียงตุง นำคณะเข้าเช็คอินน์พร้อมเก็บสัมภาระกระเป๋าเดินทาง ณ
โรงแรม Amazing Keng Tung Hotel Resort หรือเทียบเท่า
18.30 น. นำคณะเดินทางไปรับประทานอาหารเย็น (มื้อที่5) ณ ร้านอาหารปานกป้า สาขาใหม่ หลังอาหารเย็นนำคณะ
เดินทางกลับสู่โรงแรมที่พัก พักผ่อนตามอัธยาศัย

วันที่ สี่ กาดหลวง – ดอยเหมย – หมู่บ้านไทเหนือ – วัดอินทร์ – พรธาตุจอมคำ – วัดเชียงยืน – วัดพระมหาเมี๊ยะมุนี – วัดหัวข่วง – พระชี้นิ้ว – หนองตุง
07.00 น. รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก (มื้อที่ 6)
08.00 น. นำท่านเดินชมตลาดเมืองเชียงตุง หรือกาดหลวงเชียงตุง ซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่มากอีกแห่งหนึ่งที่มีผู้คนจาก
หลายเผ่าพันธุ์จะแต่งกายตามลักษณะประจำเผ่าของตนเองเข้ามาซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้าแปลกที่หาดูได้ ยาก ชิมกาแฟโบราณ และโรตีโอ่ง (ทำโดยการอบแผ่นในเตาขนาดใหญ่คล้ายโอ่ง) และลองชิมก๋วยเตี๋ยว หมูทุบ (นำหมูมาทุบด้วยท่อนเหล็กจนละเอียดแล้วปั้นเป็นลูกชิ้นไม่ผสมแป้งทำสดๆ)
09.00 น. นำคณะออกเดินทางสู่ ดอยเหมย ระยะทาง 34กม. สภาพเส้นทางเป็นลูกรังลัดเลาะผ่านลำธารเล็ก ตลอด
การเดินทาง ชมแหล่งท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อของเมืองเชียงตุง ดอยที่สูงกว่า 1,600 เมตรจากระดับน้ำทะเลคำว่า
เหมย หมายถึง “หมอก” ซึ่งจะปกคลุมบนยอดดอยแห่งนี้ตลอดทั้งปีในช่วงเช้า เดินข้ามสะพานไม้ชมความ
สวยงามของหนองดอยเหมย ซึ่งเป็นแอ่งน้ำใหญ่โอบล้อมไปด้วยดอยสูง จากนั้นเดินเที่ยวอดีตค่ายทหาร
อังกฤษ ซึ่งเคยยึดครองเมืองเชียงตุง เมื่อ พ.ศ. 2488 ค่ายทหารนี้ ยังคงสภาพไว้ค่อนข้างสมบูรณ์ สถานที่
แห่งนี้ในอดีตเคยเป็นที่พักตากอากาศของข้าหลวงอังกฤษและทั้งกองทัพ อังกฤษและไทยได้ใช้เป็นฐาน
ปฏิบัติการ ชมบ้านพักตากอากาศสไตล์โคโลเนียลของข้าหลวงอังกฤษในสมัยปกครองเมียนมา หลังจาก
นั้นชมวัดจตุรัฐสุมังคลา และชมโบสถ์คริสต์ที่กลุ่มมิชชันนารีอังกฤษได้เข้ามาเผยแผ่ศาสนา
11.30 น. นำคณะเดินทางกลับสู่ตัวเมืองเชียงตุง
12.30 น. รับประทานอาหารเที่ยง (มื้อที่7) ณ ร้านอาหารปานกป้า สาขาแรก ริมแม่น้ำลาบ
13.30 น. นำคณะเดินทางไปเที่ยวชม หมู่บ้านไทเหนือหนองเงิน ซึ่งเป็นชุมชนไทโบราณ ที่ยังคงอนุรักษ์วิถีชีวิตดั่งเดิม
พร้อมทั้งเดินเที่ยวชมหมู่บ้าน ซึ่งมีรูปแบบการก่อสร้างบ้าน แบบบ้านดินศิลปะแบบดั่งเดิม
14.30 น. นำคณะชม วัดอินทร์ ซึ่งเป็นวัดที่สำคัญของเชียงตุง ซึ่งชาวเชียงตุงเชื่อว่า พระอินทร์ได้มาช่วยสร้างวัดนี้
ภายในอลังการของความวิจิตรบรรจงในการตกแต่ง ทั้งการลงลักษณ์ปิดทองแบบวิหารลายคำพระประธาน วิหารหลวงจะมีการสร้างกู่พระเจ้าแบบชาวล้านนาครอบพระประธานไว้ ซุ้มประตูวิหารด้านในจะประดับ ด้วยอัญมณีที่ล้ำค่า นอกจากนี้ยังมีบ่อน้ำทิพย์ อยู่ด้านหลังพระประธานวิหาร
15.00 น. นำคณะชมวัดพระธาตุจอมคำ วัดที่ประดิษฐานพระสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า กราบของพรเพื่อเป็นสิริ
มงคลแก่ ตนเอง และคณะวัดพระธาตุจอมคำ เดิมมีชื่อว่าวัดพระธาตุจอมสร้าง สร้างโดยจันทรสิกขะและ ฤาษี 4 ตน มีอายุประมาณ 1,200 กว่าปี ตามประวัติกล่าวว่า เป็นพระธาตุที่ทำจากทองคำแท้สูง 226 ฟุต กว้าง 84 ฟุต ประดับด้วยเพชรพลอยมากประมาณ 882 เม็ด ภายในพระอุโบสถมีสถาปัตยกรรมและ ศิลปกรรมที่ งดงาม ผสมผสานระหว่างศิลปะล้านนา ไทยใหญ่ และพม่า เข้าด้วยกัน มีวรรณกรรมเรื่องมหาชาติ โดยช่างฝีมือ จริง ๆ ด้านหน้าอุโบสถ มีศาลาคล้ายวิหารคด และสุดท้ายมีตู้ที่เก็บคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนาที่วิจิตรอลังกาล วัดพระธาตุจอมคำการปรับปรุงซ่อมแซมมาหลายครั้งดังนี้ พ.ศ. 2052พระยาอาติตราชให้ชื่อว่า พระธาตุจอมคำ
พ.ศ. 2062 นางสุคันธาเกศา (นางผมหอม) ให้ชื่อว่าพระธาตุจอมตอ พ.ศ. 2477 เจ้าฟ้ารัตนะก้อนแก้วอินแถลงให้ ชื่อว่า พระธาตุจอมตอง พ.ศ 2494 เจ้าฟ้าชายหลวงให้ชื่อว่า พระธาตุจอมคำ โดยเรียกชื่อนี้มาจนถึงปัจจุบัน
16.00 น. นำคณะกราบนมัสการ สมเด็จอาญาธรรม(เจ้าคณะจังหวัดเมืองเชียงตุง) ณ วัดเชียงยืน หรือ วัดเจ๋งยิน
(สำเนียงไทขึน) ถือได้ว่าเป็นวัดหลวงของเชียงตุง ที่มีความเป็นมาเก่าแก่ ภายในวิหาร มีพระพุทธรูปประทับยืน
1 องค์ ซึ่งเป็นที่มาของชื่อวัดแห่งนี้ รวมถึงภายในวิหารยังมีการตกแต่งอย่างสวยงาม
16.30 น. ชมวัดมหาเมี๊ยะมุนี หรือวัดเจ้าหลวงซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมือง สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2463 สร้างโดยเจ้าก้อนแก้ว
อินแถลงแห่งเชียงตุง ภายในมีองค์พระมหาเมี๊ยะมุนี องค์จำลองจากเมืองมัณฑะเลย์ ประดิษฐานอยู่จากนั้นชม วัดราชฐานหัวข่วง เป็นวัดที่มีโรงเรียนเปิดสอนนักธรรมตรี โท และเอกและสอนภาษบาลีโดยสมเด็จวัดปากน้ำ ในเมืองไทยมาสร้างอาคารโรงเรียนสอนพระปริยัติธรรมเมื่อปี พ.ศ. 2544
17.00 น. นำคณะชม พระชี้นิ้ว ศิลปะแบบพม่าตั้งอยู่บนเขาจอมสัก ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของเมืองเชียงตุง ช่วงเย็น ชม ความงามของหนองตุง หนองน้ำสำคัญที่หล่อเลี้ยงชีวิตชาว เชียงตุงภายใต้บรรยากาศพระอาทิตย์อัสดงลับขอบ แห่งขุนเขา ให้ท่านได้นั่งดื่มชา ชิมยำใบชาตามอัธยาศัย
18.00 น. รับประทานอาหารเย็น (มื้อที่8) ณ ร้านอาหาร NT CAFE พร้อมชมบรรยากาศริมทะเลสาบหนองตุง
หลังอาหารเย็นนำคณะเดินทางกลับสู่โรงแรมที่พัก พักผ่อนตามอัธยาศัย
วันที่ห้า ตลาดเช้าบ้านกลางนา – สถูปเจ้าฟ้า – ต้นไม้หมายเมือง – วัดยางกวง – เจดีย์ชเวดากอง(จำลอง) – แม่สาย
06.30 น. นำคณะเดินทางไปชม ตลาดบ้านกลางนา บรรยากาศแบบตลาดชาวบ้าน แบบดั้งเดิม ชมวิถีชีวิตยามเช้า
08.00 น. เดินทางกลับมารับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก (มื้อที่9)
09.00 น. นำคณะ ชมซุ้มประตูเมืองเชียงตุงเก่า เป็นหนึ่งใน 12 ประตู ปัจจุบันเหลืออยู่เพียง 2 ประตูเท่านั้นตาม
จากนั้นนำท่านเดินตามถนนมาอีกประมาณ 300 เมตร จะแลเห็นกลุ่มเจดีย์ถูกล้อมรั้วก่ออิฐเป็นกำแพงอยู่ โดยรอบ คือสถานที่เก็บพระบรมอัฐิของเจ้าฟ้า (สถูปเจ้าฟ้า) หลายพระองค์ แห่งราชวงศ์ไทเขิน ที่เคย
ปกครองเมืองเชียงตุงมาในอดีต ซึ่งรวมทั้งพระอัฐิของเจ้าก้อนแก้วอินแถลง เจ้าฟ้าองค์สำคัญแห่งเชียงตุง
09.30 น. จากนั้นชม ต้นไม้ยางนา ขนาดใหญ่อายุกว่า 250 ปี ซึ่งเป็นต้นไม้หมายเมืองที่ชาวเชียงตุงให้ความนับถือ จากนั้นชม วัดจอมมน เป็นวัดไทใหญ่ ซึ่งจะแตกต่างจากวัดเมืองโดยทั่วไป วิหารจะเป็นศิลปะไทใหญ่
มีพระประธานที่สวยงาม และยังมีพระผ่องพะอู 5 องค์ซึ่งจำลองมาจากวัดที่ทะเลสาบอินเลย์เมืองตองยี จากนั้นนำคณะชมวิวเมืองเชียงตุงมุมสูง จากจุดนี้สามารถมองเห็นทัศนีย์ภาพวิวเมืองเชียงตุงได้โดยรอบ
10.30 น. นำคณะชม วัดยางกวง ภายในวิหารของวัดมีพระพุทธรูป 3 องค์ จีวรประดับด้วยอัญมณีหลากสีมองดู
คล้ายเกล็ดพญานาค ชาวเชียงตุงจึงเรียกว่า พระเกล็ดนาค พร้อมกันนั้นมีเรื่องเล่าของชาวเชียงตุงว่ามี พญานาค อาศัยอยู่ในหนองตุงมีความศรัทธาในพระพุทธศาสนาจึงเลื้อยขึ้นมาในเวลากลางคืนนำอัญมณีจากใต้หนองตุง มาสร้างพระเกล็ดนาค 3 องค์ไว้ที่วัดยางกวง นอกจากนี้บริเวณทางเข้าวัดยางกวง มีชุมชนซึ่งมีอาชีพทำ เครื่องปั้นดินเผา จะพบกับเครื่องปั้นดินเผาแบบต่างๆ ใช้ฝีมือล้วนๆ ปราศจากเทคโนโลยีและบ้านดิน ซึ่งมีการ สร้างเพื่ออยู่อาศัยมาหลายร้อยปีแล้ว
11.30 น. รับประทานอาหารเที่ยง (มื้อที่10) ณ ร้านอาหาร Best Choice อาหารสไตล์จีนยูนาน
12.30 น. สมควรแก่เวลานำคณะอำลาเมืองเชียงตุง ระหว่างทาง แวะจุดหมู่บ้านดอยปางควาย ชมสินค้าพื้นถิ่นที่
ชาวบ้านนำมาขาย จากนั้นออกเดินทางต่อผ่านเมืองเพียก และเมืองท่าเดื่อ ก่อนถึงท่าขี้เหล็กต่อไป
16.00 น. เดินทางถึงท่าขี้เหล็ก นำคณะเที่ยวชมองค์ เจดีย์ชเวดากอง(องค์จำลอง) ซึ่งตั้งอยู่บนเนินเขาสูง จากจุดนี้
ท่านสามารถมองเห็นวิวเมืองท่าขี้เหล็กได้อย่างชัดเจน จากนั้นนำคณะเลือกซื้อสินค้าของฝากของที่ระลึก ณ ตลาดท่าล้อ ตามอัธยาศัย
17.00 น. เดินทางกลับสู่ประเทศไทย ส่งคณะสนามบินเชียงราย โดยสวัสดิ์ภาพ
*******************************************************************************
อัตราค่าบริการ
สำหรับ 18 ท่านขึ้นไป ท่านละ –13,550 บาท
พักเดี่ยวเพิ่ม 2,500 บาท

อัตรานี้รวม อัตรานี้ไม่รวม
ยานพาหนะรับ – ส่ง ตามที่ระบุในรายการ ภาษีหัก ณ ที่จ่าย 3 % (กรณีออกบิลใบกำกับภาษี)
ค่าธรรมเนียมผ่านแดนไทย – พม่า ภาษีมูลค่าเพิ่ม 7 % (กรณีออกบิลใบกำกับภาษี)
ค่าที่พัก 3 คืน (ห้องละ 2 ท่าน) , อาหาร 10 มื้อ ค่าทิปมัคคุเทศก์ท้องถิ่น และ คนขับรถ
ค่าเข้าชมสถานที่ตามระบุในรายการ ค่าใช้จ่ายส่วนตัว เช่น ค่าโทรศัพท์ ค่าซักรีด
มัคคุเทศก์ท้องถิ่นสื่อสารภาษาไทย ค่าเครื่องดื่มนอกเหนือรายการระบุ
ค่าประกันภัยอุบัติเหตุในการเดินทาง วงเงิน 1,000,000 (ตามเงื่อนไขตามกรมธรรม์) ค่าธรรมเนียมผ่านแดนกรณีเป็นชาวต่างชาติซึ่งไม่ใช่คนไทย

เอกสารที่ต้องเตรียม
• สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน 2 ใบ ไม่ควรใช้บัตรข้าราชการ ( บัตรตัวจริงนำติดตัวไปด้วยในวันเดินทาง )
• รูปถ่ายสีหน้าตรงขนาด 1 นิ้วครึ่ง จำนวน 3 ใบ (ไม่ควรเป็นรูปถ่ายในชุดข้าราชการ)
• เอกสารทั้งสำเนาบัตรและรูปถ่าย สามารถส่งมาทาง FACEBOOK INBOX อรรักเมืองไทย

การชำระเงิน
ชื่อบัญชี1. : ศิริอร รังศิริตานนท์ ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาแม่ฮ่องสอน ประเภทออมทรัพย์ เลขที่
845-2013487
2.แม่ฮ่องสอน ที.เอ็นแอนด์แฟมิลี่ทัวร์ ธนาคารกรุงไทย สาขาแม่ฮ่องสอน ประเภท
ออมทรัพย์ เลขที่ 508-0-11647-1
1. สำรองที่นั่งก่อนเดินทาง 20 วัน พร้อมชำระมัดจำ 50 % ส่วนที่เหลือชำระก่อนวันเดินทาง 15 วัน
2. ยกเลิกก่อนวันเดินทาง 5 วัน หัก 1000 % ของค่าทัวร์
3. ยกเลิกก่อนวันเดินทาง 3 วัน บริษัทฯ ของสงวนสิทธิ์ไม่คืนเงินมัดจำทั้งหมด

หมายเหตุ
– บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ที่จะไม่รับผิดชอบต่อค่าใช้จ่ายใดๆ ในกรณีที่เกิดเหตุสุดวิสัย เช่น การยกเลิกหรือล่าช้าของสายการบิน, อุบัติเหตุ, ภัยธรรมชาติ, การนัดหยุดงาน, ปัญหาทางการเมือง, การจลาจล,สงคราม หรือสิ่งของสูญหายตามสถานที่ต่าง ๆ ที่เกิดเหนืออำนาจควบคุมของบริษัทฯ
– บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ที่จะเปลี่ยนแปลงรายการทัวร์ตามความเหมาะสม และสถานการณ์ต่างๆ ทั้งนี้ทางบริษัทฯ จะยึดถือและคำนึงถึงความปลอดภัย รวมถึงประโยชน์สูงสุดของลูกค้าส่วนมากเป็นสำคัญ
คณะผู้จัดการเดินทางจะไม่รับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้น หากผู้เดินทางถูกปฏิเสธการเข้า – ออกเมือง ทั้งนี้ขึ้นอยู่ กับดุลพินิจของเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าออกเมืองนั้นๆเป็นสำคัญ

เที่ยวสนุก ปลอดภัย เมื่อไปกับเรา